สังคมไร้เงินสดและผลกระทบด้านภาษีต่อนักบัญชี
1.หน้าที่ของนักบัญชีจะง่ายขึ้น แม้ว่าดูเหมือนว่างานจะหนักในช่วงที่ต้องเปลี่ยนแปลง แต่ถ้าทแยงมุมมองอีกด้าน ทุกรายการที่เกิดขึ้นนั้นจะสามารถตรวจสอบได้หมด เพราะมีหลักฐานการจ่าย ซึ่งเป็นสาเหตุให้ผู้ประกอบการทั้งหลายต้องเตรียมพร้อมเรื่องเอกสาร ดังนั้น ถ้าใครจะจ่ายแบบไม่มีหลักฐานก็ลำบากละงานนี้
2.ภาษีจะถูกเก็บมากขึ้น หลายคนบอกว่าสังคมไร้เงินสดนี่ละ มีวัตถุประสงค์หลักคือการจัดเก็บภาษี ซึ่งตรงนี้เราเองก็คิดว่าเป็นอีกส่วนหนึ่งที่สำคัญ แต่ในแง่หนึ่งคือ มันจะทำให้ภาษีถูกจัดเก็บอย่างมีที่มาที่ไปมากขึ้น ไม่ใช่แค่เก็บจากการประเมินหรือประมาณการแบบไม่มีหลักฐานเหมือนแต่เก่า เพราะทุกอย่างถูกบันทึกไว้หมดแล้ว
ปัญหาตรงนี้ย่อมเกิดกับนักบัญชีแน่นอน เพราะนักบัญชีคือทุกอย่างที่ต้องรู้ ต้องเห็นและต้องเข้าใจ เพื่อที่จะทำให้ผู้ประกอบการที่ไม่รู้เรื่องบัญชีเตรียมตัวรับมือเรื่องเหล่านี้ได้ง่ายขึ้น ราวกับมันเป็นภารกิจที่ยิ่งใหญ่ในชีวิตที่ต้องพิชิตให้ได้เลยละและสิ่งที่คิดว่านักบัญชีต้องรู้นั้น มีอยู่ 2 กลุ่มใหญ่ๆ ดังนี้คือ
1.ระบบการชำระเงินแบบไร้เงินสดทั้งหลาย ตั้งแต่พร้อมเพย์ไปจนถึง QR Code รวมถึงการจ่ายผ่านช่องทางต่างๆ อย่างเครื่อง EDC ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ต้องรู้และทำความเข้าใจ เพื่อให้การบันทึกบัญชีเป็นไปอย่างราบรื่น
2. ระบบการจัดการด้านเอกสารภาษีต่างๆ อย่างเช่น ระบบ E-Withholding Tax ที่ให้ธนาคารกลายเป็นผู้มีหน้าที่หักภาษีและนำส่งแทนผู้ประกอบการ หรือระบบ E-Tax invoice ที่กำลังจะมาเปลี่ยนแปลงการออกใบกำกับภาษีและการจัดทำเอกสารต่างๆ ให้ลดน้อยลง ซึ่งตรงนี้จะมีผลต่องานของนักบัญชีด้วย บางทีแล้วรายงานต่างๆ อาจไม่ต้องทำเลยด้วยซ้ำ
เห็นมั้ยว่า สังคมไร้เงินสดนั้นไม่ได้เริ่มต้นแค่การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม แต่มันจะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางด้านอื่นโดยเฉพาะงานของนักบัญชีทั้งหลายด้วย ซึ่งตรงนี้อาจกลายเป็นโอกาสของนักบัญชีที่รู้ก่อนและเข้าใจเรื่องพวกนี้ก่อน เพราะจะได้เปรียบและเป็นที่ต้องการของตลาดมากขึ้น
อ้างอิง :
https://www.dst.co.th/index.php?option=com_content&view=article&id=1646:social-cash-tax-accountant&catid=29&Itemid=180&lang=th