วางแผนภาษีเงินได้จากต่างประเทศก่อนโอนเงินกลับไทยอย่างถูกต้องตามกฎหมาย [อัปเดต 2024]

ในช่วงปลายปี 2566 ที่ผ่านมา กรมสรรพากรได้ออกคำสั่งใหม่เกี่ยวกับการจัดเก็บภาษีเงินได้จากต่างประเทศสำหรับบุคคลธรรมดาที่มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย ซึ่งสร้างแรงสั่นสะเทือนในกลุ่มนักลงทุนและผู้มีรายได้จากต่างประเทศ โดยเฉพาะผู้ที่วางแผนนำเงินกลับเข้าประเทศไทยในอนาคต บทความนี้จะอธิบายแนวทางการวางแผนภาษีอย่างถูกต้องตามประกาศกรมสรรพากรใหม่ พร้อมสรุปผลกระทบและข้อควรรู้เพื่อให้คุณไม่พลาดในการวางแผนภาษีส่วนบุคคล

หลักเกณฑ์พื้นฐานของการเสียภาษีเงินได้ในไทย

การจัดเก็บภาษีเงินได้ของบุคคลธรรมดาตาม ประมวลรัษฎากร อ้างอิงจาก 2 หลักเกณฑ์หลัก

1. Source Rule – หลักแหล่งเงินได้

หากเงินได้เกิดขึ้นจากกิจกรรมใดๆ ในประเทศไทย จะต้องเสียภาษีในไทยไม่ว่าเจ้าของรายได้นั้นจะอยู่ในประเทศหรือต่างประเทศ

2. Resident Rule – หลักถิ่นที่อยู่

หากบุคคลใดอยู่ในประเทศไทยรวม 180 วันขึ้นไป ต่อปีภาษี และมีรายได้จากต่างประเทศ → หากนำเงินได้เข้าประเทศไทย ภายในปีภาษีนั้น จะต้องนำมารวมคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

สรุปความเปลี่ยนแปลงตามประกาศกรมสรรพากร ปี 2566

ในปี 2566 กรมสรรพากรได้ออกคำสั่งใหม่ 2 ฉบับ ได้แก่

  • คำสั่ง ป. 161/2566 (ลงวันที่ 15 ก.ย. 2566)
  • คำสั่ง ป. 162/2566 (ลงวันที่ 20 พ.ย. 2566)

มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 เป็นต้นไป

ความแตกต่างระหว่างหลักเกณฑ์เดิมและหลักเกณฑ์ใหม่

ประเด็นหลักเกณฑ์เดิมหลักเกณฑ์ใหม่ (เริ่ม 1 ม.ค. 2567)
นำเงินเข้าข้ามปีไม่ต้องเสียภาษีต้องเสียภาษี
รายได้จากต่างประเทศเสียภาษีเมื่อโอนเงินเข้าไทยในปีเดียวกันเสียภาษี ไม่ว่าโอนเข้าเมื่อใด
อัตราภาษีอัตราก้าวหน้า (5–35%)อัตราก้าวหน้าเช่นกัน

รายได้จากต่างประเทศที่ต้องระวัง

  • เงินปันผลจากหุ้นต่างประเทศ
  • กำไรจากการขายหลักทรัพย์
  • ดอกเบี้ยจากบัญชีต่างประเทศ
  • ค่าเช่าจากทรัพย์สินในต่างประเทศ
  • รายได้จากงานเสริมหรือฟรีแลนซ์ต่างประเทศ (เช่น รับงานผ่านแพลตฟอร์ม)

แนวทางวางแผนภาษีก่อนโอนเงินกลับไทย

  1. ตรวจสอบว่า “คุณมีสถานะเป็นผู้อยู่ในประเทศไทย” หรือไม่ (180 วัน/ปี)
  2. หากมีเงินได้ ก่อนวันที่ 1 ม.ค. 2567 พิจารณานำเข้าไทยในปี 2567 เพื่อใช้หลักเกณฑ์เดิม
  3. หากเงินได้เกิดขึ้น หลังจาก 1 ม.ค. 2567 → เตรียมเสียภาษีตามหลักเกณฑ์ใหม่ทันทีที่โอนเข้า
  4. แบ่งเงินที่มีเพื่อใช้ลงทุนหรือออมในรูปแบบที่สามารถหักภาษีได้ (เช่น RMF, SSF)
  5. พิจารณาการลงทุนผ่าน “กองทุนรวมไทยที่ไปลงทุนต่างประเทศ” ซึ่งได้รับสิทธิยกเว้นภาษี

ทางเลือกที่น่าสนใจ: ลงทุนผ่านกองทุนรวมไทย

หากคุณยังไม่พร้อมรับผลกระทบจากภาษีเงินได้จากต่างประเทศ แนะนำให้

  • พิจารณาลงทุนผ่านกองทุนรวมไทยที่ลงทุนในต่างประเทศ (Feeder Fund)
  • ได้รับสิทธิยกเว้นภาษีจากกำไรลงทุนและเสียภาษีปันผลเพียง 10% หัก ณ ที่จ่าย
  • เหมาะกับผู้ที่ต้องการลงทุนต่างประเทศโดยไม่ต้องวางแผนภาษีซับซ้อน

หากไม่ปฏิบัติตาม มีโทษอะไร?

  • เสี่ยงโดนเรียกเก็บภาษีย้อนหลัง
  • เสียเบี้ยปรับและดอกเบี้ย
  • มีผลต่อความน่าเชื่อถือในการทำธุรกรรมทางการเงินในอนาคต

สรุป

ภาษีเงินได้จากต่างประเทศ ภายใต้หลักเกณฑ์ใหม่ของกรมสรรพากร ถือเป็นเรื่องสำคัญที่คนมีรายได้ต่างประเทศทุกคนต้องเข้าใจ การวางแผนล่วงหน้า โดยเฉพาะในเรื่อง “ช่วงเวลาในการโอนเงินกลับประเทศไทย” จะช่วยให้คุณเสียภาษีอย่างถูกต้อง และหลีกเลี่ยงผลกระทบที่อาจตามมา

หากคุณมีรายได้จากต่างประเทศในปี 2566 หรือก่อนหน้านี้ ควรรีบประเมินสถานการณ์และติดต่อที่ปรึกษาทางภาษีโดยเร็วเพื่อวางแผนก่อนโอนเงินกลับไทยในปี 2567

ติดต่อเรา

Start typing and press Enter to search

Shopping Cart